การประเมินมูลค่าแบรนด์ เป็นสินทรัพย์ที่ไม่ใช่ตัวเงิน (Intangible Property) ที่สามารถระบุได้และไม่มีลักษณะทางกายภาพที่จับต้องได้ แต่มีมูลค่าและสามารถสร้างประโยชน์เชิงเศรษฐกิจให้กับเจ้าของหรือกิจการได้ในอนาคต ได้แก่ มูลค่ากิจการ มูลค่าธุรกิจ มูลค่าแบรนด์ ชื่อเสียง ตรายี่ห้อ เครื่องหมายการค้า ลิขสิทธิ์ สิทธิบัตร ทรัพย์สินทางปัญญา เป็นต้น
วิธีการประเมินมีหลายวิธีการขึ้นอยู่กับข้อมูลที่มีและรูปแบบ แสดงวิธีการประเมินโดยภาพรวมเป็นดังนี้
การประเมินมูลค่าไม่ได้มีแบบเดียว แต่ขึ้นอยู่กับ “วัตถุประสงค์” ว่าจะนำไปใช้ทำอะไร ซึ่งแบ่งออกเป็น 7 ประเภทหลักที่พบบ่อย ดังนี้
1. วิธีการส่วนต่างของราคา (Price Premium Method) คือ การประเมินโดยพิจารณาถึงส่วนต่างของราคาขาย หรือยอดขาย หรือกำไรที่เพิ่มขึ้น ของสินค้าเมื่อเปรียบเทียบกับสินค้าประเภทเดียวกันที่เป็น Generic Brand (หรืออีกด้านอาจพิจารณาถึงต้นทุนที่ลดลง) โดยส่วนต่างดังกล่าวจะได้จากการวิจัยสำรวจตลาด และทำการประมาณการมูลค่าส่วนต่างในอนาคต (Cash Flow Projection) ในระยะเวลาหนึ่งและคิดลดด้วยอัตราที่เหมาะสม ได้เป็นมูลค่าที่ประเมิน
2. วิธีการตัวคูณของรายได้ในอดีต (Multiple of Historical Earning) คือ การประเมินมูลค่า โดยพิจารณาถึงส่วนยอดขายและกำไร ในอดีตที่ผ่านมา และนำมาเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักโดยพิจารณาให้ความสำคัญของปีที่ใกล้เคียงกับปัจจุบันมากกว่า และคูณด้วยค่าพหุคูณของรายได้ในอนาคต
3. วิธีการส่วนต่างของมูลค่าหุ้น (Stock Premium Method) คือ การประเมินมูลค่า โดยพิจารณาจากส่วนต่างของมูลค่าหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (ราคาปิดเฉลี่ยคูณด้วยจำนวนหุ้น) หักออกด้วยส่วนของผู้ถือหุ้น (Shareholders ‘equity) หรือสินทรัพย์รวมหักด้วยหนี้สิน ตามงบการเงินที่แสดงไว้ และทำการประเมินโดยพิจารณาเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักถึงมูลค่าในปัจจุบันและอดีตที่ผ่านมาระยะเวลาหนึ่ง
4. วิธีการต้นทุน (Cost Method) คือ การประเมินโดยพิจารณาจากต้นทุนในการพัฒนาในอดีตที่ผ่านมา เช่น ต้นทุนด้านการตลาด การโฆษณา การประชาสัมพันธ์ ด้านการบริหาร ต้นทุนด้านการออกแบบ ต้นทุนด้านการวางแผน เป็นต้น
5. วิธีการเปรียบเทียบตลาด (Comparison Approach) คือ การประเมินโดยการเปรียบเทียบกับการซื้อขายมูลค่าทรัพย์สินที่จับต้องไม่ได้ ประเภทเดียวกันหรือใกล้เคียงกันที่มีการซื้อขายในตลาด (หากมี) เช่น ใบอนุญาตโรงงานน้ำตาล และทำการวิเคราะห์เปรียบเทียบถึง ลักษณะทางการตลาด ยอดขาย ส่วนแบ่งตลาด ค่าความเสี่ยง และอื่น ๆ
6. วิธีการ Royalty Substitution Methods คือ การประเมินด้วยพิจารณามูลค่าจากค่าสัดส่วนของค่า Royalty (หรือในกรณีค่า Franchise) คูณกับยอดขายรวมในปัจจุบัน และทำการประมาณการายได้ในอนาคต (Cash Flow Projection) ในระยะเวลาหนึ่ง และคิดลดด้วยอัตราที่เหมาะสม ได้เป็นมูลค่าที่ประเมิน
7. วิธีการ Expert Opinion คือ การประเมินค่างานวรรณกรรมหรือทรัพย์สินบางประเภทที่มีความเป็นเอกลักษณ์หรือเฉพาะด้านสูง เช่น ภาพวาด เครื่องลายคราม พระเครื่อง เป็นต้น อาจต้องทำการประเมินโดยทำการสำรวจความเห็นของผู้รู้ในอุตสาหกรรมนั้น ๆ เป็นต้น
ข้อมูลหรือเอกสารดังต่อไปนี้ เป็นเอกสารที่ต้องใช้โดยทั่วไปในการประเมิน หากบางรายการไม่สามารถจัดหาได้ หรือไม่ได้ดำเนินการไว้ บริษัทฯ จะได้หารือถึงความจำเป็นและข้อจำกัดต่อไป
การประเมินทรัพย์สินจับต้องไม่ได้ (Intangible Property) เป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยป้องกันความเสี่ยงทางการเงินของคุณ ไม่ว่าธุรกรรมนั้นจะเล็กหรือใหญ่ การเลือกใช้บริษัทประเมินที่มีมาตรฐาน เป็นกลาง และเชื่อถือได้ จึงเป็นสิ่งที่ควรให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก
หากคุณกำลังมองหาผู้เชี่ยวชาญที่จะช่วยให้คำปรึกษาและให้บริการประเมินมูลค่าทรัพย์สินจับต้องไม่ได้ (Intangible Property) ด้วยมาตรฐานวิชาชีพ เพื่อให้คุณได้ตัวเลขที่ถูกต้องและนำไปใช้งานได้จริง สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมหรือขอคำปรึกษาเบื้องต้นได้ที่ m-property.co.th เราพร้อมดูแลทุกขั้นตอนด้วยความใส่ใจเพื่อให้คุณได้รับบริการที่ดีที่สุด